แนะนำ App free ที่มีคุณภาพ สำหรับ IOS และ Android สำหรับคุณ

สเปค iPhone 5 มีอะไรดี !!

รีวิว iPhone 5

ผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์กระแสของ iPhone 5 ก็ยังคงมีออกมาตลอดต่อเนื่อง ทั้งเรื่องสเปค ทั้งเรื่องของการวางจำหน่าย รวมไปถึงภาพแรกที่เราจะได้เห็นคนนำมารีวิวกันแบบเปิดกล่อง ถ่ายกันแบบทุกช๊อตทุกมุม แต่เชื่อว่าหลายคนยังคงมองไปไม่ถึงจุดใหญ่ใจความในสินค้าใหม่ของ Apple ว่า iPhone 5 ตกลงแล้วมันมีความน่าสนใจจนต้องไปหาเครื่องหิ้วมาเป็นเจ้าของในบัดดลมากน้อยเพียงใด ?!

ขออนุญาติมาทบทวนสเปคไอโฟน 5 ทั้งหมด กันอีกสักครั้งหนึ่งว่ามันมีอะไรใหม่ อะไรดี อีกครั้งนะครับ

CPU : หน่วยประมวลผลที่เร็วแรงกว่าเดิม ถึง 2 เท่า ด้วย A6 chipt ที่มีผลจากการทดลองระหว่าง ตัว A5 chipt กับ A6 chipt นั้นมีความเร็วต่างกันถึง 2 เท่า อีกทั้งยังสนับสนุนภาพกราฟฟิกได้ดียิ่งขึ้น ทำให้การเล่นเกมบน iPhone 5 มีความสมจริงเหนือระดับขึ้นจากเดิม อย่างเห็นได้ชัด ขนาดของตัวชิปเซ็ทเองก็เล็กลงจากเดิมถึง 22 % ทำให้ช่วยลดทอนน้ำหนักของตัวเครื่องลงได้อีก

Color : iPhone 5 กับ สีเดิม แต่เพิ่มความเป็นทูโทน แม้จะไม่ใช่สีที่เพิ่มมาแบบขบวนการ 5 สีพาวเวอร์เรนเจอร์ อย่าง iPod nano และ iPod touch 5 ก็ตามที แต่ครั้งนี้ทาง Apple ใช้วัสดุเดียวกันกับ Macbook ในส่วนของกรอบฝาหลัง คือเจ้า anodized aluminium

โดย Two-tone ที่ว่า คือบริเวณของส่วนบนและล่างของทั้งสองสีจะใช้วัสดุที่แตกต่างกัน ดังนี้
iPhone 5 Black & Slate : วัสดุทำมาจาก… Pigmented glass
iPhone 5 White & Silver : วัสดุทำมาจาก… Ceramic glass

Weight : น้ำหนักและความหนาบางของ iPhone 5 ที่ทาง Apple กล้าการันตี ว่าศักยภาพสูงขึ้นจริง แต่น้ำหนักและขนาดกับเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดกว่าแบรนด์อื่นในตลาด (คือมีขนาดบางและเบา อย่างสมบูรณ์ !!!) ฮู้ว์… ขนาดนั้น !โคยมีความสูง: 4.87 นิ้ว (123.8 มม. )ความกว้าง: 2.31 นิ้ว (58.6 มม. ) / ความลึก: 0.30 นิ้ว (7.6 มม. ) /น้ำหนัก: 3.95 ออนซ์ (112 กรัม) หากเปรียบเทียบน้ำหนักรวมทั้งหมดของ iPhone 5 แล้ว เบากว่า iPhone 4S ที่มีน้ำหนัก 140 กรัม และ iPhone 4 ที่มีน้ำหนัก 137 กรัม
จะหนักเบาหนักน้อย ไม่ค่อยสำคัญ แต่ราคาของมันก็ไม่ได้เบาตามเครื่องเลยว่าอย่างนั้นไหมครับ 555+

Display : หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นอย่างอลังกาลงานช้าง ซึ่งจากเดิม 3.5 นิ้วเป็น 4 นิ้ว !!! (เอ่อ… นี่ใหญ่สุดแล้วเหรอครับพี่ท่าน) ฮา… เอาเถอะครับ อย่างน้อยก็สบายตาขึ้นจากจอขนาดเดิมล่ะน่า อีกทั้งมาพร้อมกับ Retina Display ความละเอียด 1136 X 640 pixel และมีค่า ppi อยู่ที่ 326 แต่ที่ทำให้หลายคนฮือฮาได้เล็กน้อย คือ การเพิ่มจำนวนแถวของการเรียงไอคอน จากเดิม 4 แถว เป็น 5 แถว !!! ทำเพื่อ !? อ่อ… ก็สร้างความสะดวกให้เรามากยิ่งขึ้น เท่ากับได้เพิ่มมาอีกตั้ง 4 แอพฯ / 1 หน้าแหนะ !!!

Cellular and wireless : สิ่งที่หน้าสนใจและหน้ายินดีกับประเทศอื่นๆ ที่เขามี 4G LTE ใช้กันแล้ว ใน iPhone 5 ก็สามารถใช้ 4G ได้แล้ว นอกจากนั้นในระบบของการเชื่อมต่อแบบไร้สาย หรือ Wi-Fi จะเป็นแบบ Dual-channel 2.4 และ 5GHz ซึ่งมีความเร็วสูงสุด 150 Mbps เลยเชียวล่ะครับ
กลับมาต่อกันที่ที่ 4G LTE กันอีกนิดหนึ่ง เพราะระบบนี้ทำให้เราสามารถใช้ iPhone 5 ได้ทั่วทั้งโลก ยิ่งในแถบยุโรปด้วยแล้วนั้นระบบของ 4G LTE รุดหน้าไปอย่างรวดเร็วทำให้คนในประเทศนั้นๆ ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนเครื่องสมาร์ทโฟนได้แบบฉับพลันทันใดเลยเชียวล่ะครับ !!! เพราะหากลองเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ในตลาด สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของแต่ละแบรนด์ก็จะรองรับเจ้า 4G กันหมดแล้ว แม้ใน iPhone 5 จะเพิ่งมีมา แต่ก็ถือว่ายังไม่ช้านะเออ…
ส่วนประเทศไทยเองก็ยังไม่มีเจ้า 4G LTE นะจ๊ะ เอ๊ะ… หรือที่ Tim cook ทำให้ iPhone 5 รองรับ 4G LTE ช้ากว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะรอประเทศของเราให้ตามทัน !!! ฮา… ไม่น่าเกี่ยวๆ Skip
SIM Card : เป็นการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ที่เอาไว้ให้ตัวละครในเกม The Sims ไว้ใช้ในการชำระสินค้าแทนเงินสด Oh… My God ออกทะเลใหญ่แล้ว !!! ฮา… กลัวว่าจะเครียด กลับกลายเป็นเครียดหนักเลยใช่ไหมครับ โอเค… ไม่ออกทะเลแล้ว กลับมาต่อกันที่ SIM Card ของ iPhone 5 กันดีกว่าครับ อย่างที่ทราบกันดีว่าขนาดของ iPhone 5 นั้นมีความบางและน้ำหนักเบาลงมาก ด้วยเทคโนโลยีใหม่ Apple จึงเริ่มใช้ nano- SIM บน iPhone 5 แล้ว ณ บัด Now ซึ่งขนาดเของ nano-SIM นั้นเล็กลงกว่า Micro- SIM ถึง 44% เลยเชียวล่ะครับ
หวังว่าใน iPhone 6 เราคงจะไม่เจอ Apple ใช้ Pico- SIM ซึ่งมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ นะครับ… Micro > Nono > Pico โอ๊ย… น่าคิดๆ ฮา…

หรืออีกในหนึ่ง sim ฝังต้วในเครื่องเรยก็เป็นได้นะครับ!!(คงไม่มีคัยอย่ากชื้อสำหรับนักเปลี่ยนชิมบ่อย….555+)

iSight Camera : iPhone 5 ยังคงใช้กล้อง 8 ล้านเมกะพิกเซล เท่าเดิม กลับไม่เล่นสงครามกล้อง กับแบรนด์อื่น ที่ไปไกลกันถึง 12 ล้านเมกะพิกเซล แต่เน้นการปรับปรุงระบบกล้องให้ดีกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในบริเวณที่มีแสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น และลด noise ลงอีกด้วย นอกจากนั้นการถ่ายภาพแบบพาโนรามานั้นสามารถทำบน iPhone 5 ได้แล้วโดยไม่ต้องง้อ แอพฯ เสริมอีกต่อไป โดยถ่ายได้ภาพที่มีขนาดองศาสูงสุดถึง 240 องศา และความละเอียดของภาพรวมสูงสุด 28 ล้านพิกเซลอีกเชียวล่ะครับ !!!
Facetime Camera : กล้องหน้าถูกปรับจากเดิม VGA เป็น 1.2 ล้านเมกะพิกเซล เน้นการทำงานของ Facetime มากยิ่งขึ้น ด้วยรูปแบบการถ่ายวิดีโอจากกล้องหน้าสูงถึง 720p HD และมีเซ็นเซอร์ช่วยวัดแสงจากด้านหลังอีกด้วย ทำให้การใช้งานกล้องหน้านั้นมีประสิทธิภาพสูงถูกใช้ใครหลายคนที่ชอบถ่ายภาพตัวเองเป็นที่สุด !!!


Video Calling and Video Recording : iPhone 5 รวมไปถึง สินค้า Apple ที่อัปเดตระบบเป็น iOS6 ก็สามารถใช้งาน Facetime ผ่านระบบเครือข่ายมือถือ หรือ 3G ได้แล้ว เพราะจากเดิมหากจะใช้งาน Facetime จำเป็นต้องผ่านระบบ Wi-Fi เท่านั้น ส่วนกล้องหลังรูปบบการบันทึกวิดีโอนั้น มีความละเอียดสูงถึง 1080p มีระบบเซ็นเซอร์ช่วยลดการสั่นไหวของภาพ
ที่สำคัญ สามารถบันทึกภาพนิ่งขณะที่เราสามารถ่ายวิดีโอไปด้วย… ได้แล้ว
HeadPhones : EarPods คือ หูฟังตัวใหม่ที่ทาง Apple ใช้ชูโรงในงานเปิดตัวครั้งนี้ ด้วยรูปแบบหูของคนกว่า 1000 คน ที่ทางแอปเปิ้ลใช้ในการทดสอบนั้น รูหูของแต่ละคนย่อมมีขนาดแตกต่างกันไป แต่เจ้า EarPods ที่แอปเปิ้ลได้ทำการออกแบบนี้ สามารถใส่แล้วพอดีกับรูหูของคนทุกคน ทำให้ไม่หลวมหลุดง่าย และยังสามารถใช้งานระดับเสียงได้ดีดังเดิม อีกทั้งวัสดุที่แอเปิ้ลเลือกใช้ทำให้สามารถทนคราบเหงื่อและน้ำได้อย่างสบาย เหมาะกับการใช้งานในหลายๆ สภาพ
Conector : เป็นคู่แข่งของไอศกรีม ชื่อดังของ ค่าย Wall’s ที่มีชื่อว่า Cornetto ซึ่งชืงส่วนแบ่งการตลาดของไอศกรีมตู้สูงกว่า… เฮ้ย ออกทะเลอีกแล้ว Conector ไม่ใช่ Cornetto เฟ้ยยย ฮา !!! โดย iPhone 5 นั้นได้เปลี่ยนมาใช้ หัว Conector ใหม่ที่มีชื่อว่า Lightning ซึ่งสอดคล้องกับช่องเสียบพอร์ต USB บน Macbook อย่าง Thunderbolt แม้จากเดิมจะเป็นหัวแบบ 30 Pin ก็ตามที เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยน เมื่อเครื่องเล็กลง ก็จำเป็นต้องใช้ Conector ที่เล็กลงด้วย ซึ่งเหลือเพียงแค่ 8 Pin เท่านั้น ถ้าเทียบอัตราส่วนระหว่าง Conector ตัวเก่ากับตัวใหม่ มีขนาดต่างกันถึง 80% เลยเชียวล่ะครับ

Battery Life : รองรับการใช้งานสูงถึง 8 ชั่วโมง ทั้งบน 3G และ 4G หากเป็น Wi-Fi จะได้สูงสุดถึง 10 ชั่วโมง แต่ถ้าให้นอนนิ่งสแตนด์บายสูงถึง 225 ชั่วโมง ซึ่ง ใน iPhone 4s สามามารถสแตนด์บายได้เพียง 200 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็อย่างว่าละครับ ดูจากภาพสิครับ แบตเตอรี่ ยาวเสียขนาดนั้น มันไม่อึดขึ้นให้เตะ Tim cook เลย ให้ตายสิ !!!

และนี่คือสเปคทั้งหมดของ iPhone 5 สมาร์ทโฟนแห่งยุค ที่ผู้คนทั่วทั้งโลกต่างเฝ้ารอคอยตลอดหนึ่งปีเต็ม ส่วนใครจะถอยหรือไม่ถอยนั้น เราไม่อาจบังคับใจท่านได้ อยากให้ตัวท่านเองเป็นคนตัดสินว่าเราต้องการมันเพื่ออะไร แต่จงเลือกมันด้วยหัวใจของคุณเอง !!!

ใช้จิตวิณญาณในการเขียนนะครับ..55+

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>